Minkyblueeyes บล็อคคุณพ่อลูกอ่อน

Thursday, July 26, 2007

Let's Celebrate!!! ~~\(^o^)/~~


มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นอีกแล้ว ^o^

ใครที่ติดตามอ่านไดฯและบล็อคของมิ้งค์กี้บลูอายส์

มานานๆ (ซี่งส่วนมากก็รู้สึกจะเป็นอย่างนั้น) จะทราบว่า

ก่อนจะมาลงหลักปักฐานที่บ้าน Blogger แห่งนี้

มิ้งค์กี้บลูอายส์เคยมีถิ่นพำนักอยู่ในกระต๊อบหลังเล็กๆ

(แต่เก็บค่าเช่าแพ๊ง..แพง) นามว่า Storythai :P

ขณะนี้...เคาท์เตอร์ในไดฯเก่าขึ้นถึงเลข 9,999 แล้วครับ

อีกแค่คนเดียวก็จะขึ้นถึง 10,000 แล้ว ^o^ โย่ววๆๆ

ถึงจะคันปากอยากด่าระบบต่างๆของ storythai แต่ก็ขอละไว้

เป็นที่รู้กัน เพราะเคยด่าไปแล้วอ่ะเนาะ :P

ในโอกาสเจ๋งๆแบบนี้ (ใครว่าไม่เจ๋งชั้นไม่สน..ชั้นว่าเจ๋ง)

ขอกล่าวขอบคุณ storythai ที่ทำให้มิ้งค์กี้บลูอายส์

ได้สัมผัสและรู้จักกับสังคมไซเบอร์ และได้รู้จักเพื่อนๆ

หลายๆคนในนี้นะคร้าบบบบ....m(-_-)m

ใครที่ไม่เคยไปเยี่ยมเยียนก็สามารถกดลิงค์ไปดูได้ ที่นี่

หรือที่ลิงค์ข้างขวาของบล็อคนี้ ที่เขียนไว้ว่า "ไดอารี่เล่มเก่า"

ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ในอ้อมใจอีกซักทีคร้าบบ

Wednesday, July 25, 2007

แล้วจะหาว่าคุย :P

เมื่อวานนี้เกิดเหตุที่ร้านดรีม คอฟฟี่

เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างคนขายกาแฟ

กับลูกค้าฝรั่งคนนึง แปลเป็นไทยมีใจความดังนี้

เหตูการณ์ที่ 1

(เหตุเกิดตอนมีลูกค้าพร้อมกัน 3 คนจุงชุลมุนนิดโหน่ยยย)

ลูกค้า : ขอชาเย็นแก้วนึงครับ :D

คนขาย : ได้ค่ะ...ศักครู่นะคะ

ลูกค้า : ครับ...มีกาแฟรึเปล่าครับ??

คนขาย : มีค่ะ

**********คนขายชงกาแฟ ชงชา**********

คนขาย :ได้แล้วค่ะ ชาเย็น (ยื่นให้ลูกค้า)

ลูกค้า : (ดูชาเย็นเข้าไป 1 อึก) นี่มันไม่มีกาแฟนี่!!??

คนขาย : ค่ะ..นั่นคือชาเย็น ไม่มีกาแฟค่ะ

ลูกค้า : อยากให้มีกาแฟ เติมกาแฟให้หน่อย

คนขาย : (O_o)! ใส่กาแฟลงในชาเย็น??

ลูกค้า : ใช่!!!

*********คนขายก็เติมกาแฟไปให้ 1 ช็อต*********

คนขาย : เป็นไงบ้างคะ?? ^^''

ลูกค้า : อร่อยมากกกก :D

เหตุการณ์ที่ 2

มีฝรั่งคนนึงมานั่งในร้าน..สั่งกาแฟร้อนแก้วนึง

แล้วสั่งเบิ้ลอีก 3 แก้ว รวมเป็น 4 แก้วรวด

โดยให้เหตุผลว่า...กาแฟอร่อยมากกก!!!

มีที่ไหน คนๆนึงจะดื่มกาแฟร้อนทีเดียว 4 แก้ว

ถ้ามันไม่อร่อยระดับเทพประทานมาให้ชิม :P

หรือมันจะมาจีบน้องสาวตูฟร๊ะ??? -*-

Tuesday, July 24, 2007

แฟนฉัน :D

วันนี้ตอนกำลังขับรถไปรับคุณปุ้ย

ก็เปิดวิทยุฟัง Green Wave ตามปกติ

ช่วงนี้จะมี Issue ให้ผู้ฟังโทมาเล่าเรื่องรักๆ เจ็บๆ ช้ำๆ

เลยได้ฟังเรื่องของหนุ่มรักคุดคนนึง

เล่าเรื่องที่สรุปใจความสั้นๆได้ว่าโดนหักอกเลยร้องไห้อยู่ 2 สัปดาห์

ทำให้นึกถึงตัวเราเอง...สมัยที่โดนบอกเลิกครั้งแรก

แล้วก็ขำขึ้นมา....คุณปุ้ยนั่งมาด้วยก็เลยงงว่าอยู่ดีๆขำอะไร?

เลยเล่าประสบการณ์อกหักครั้งแรกให้คุณปุ้ยฟัง

ตอนนั้นยังเพิ่งจะอยู่ ม.1 เอง :P

ไปปิ๊งสาวห้องข้างๆ...เวลาไปโรงเรียนเช้าๆก็จะ

ไปนั่งรอเ้ค้าที่ห้องเค้า รอเห็นหน้า :D

ข้ามมาตอนโดนบอกเลิกดีกว่า...

เค้าให้เพื่อนเค้าเอา จม.น้อยๆมาให้หลังวาเลนไทน์ 1 อาทิตย์

ไอ้เราก็นึกว่า จม.รัก...เนื่องจากไม่เคยมีลางบอกเหตุใดๆ

มาก่อนว่าจะโดนบอกเลิก....

แถมยังโดนบอกเลิกด้วยเหตุผลสุด Classic ว่า...

"เธอดีเกินไป" :P

จริงๆนะ...แหมๆๆ มาทำหน้าไม่เชื่อกันเป็นแถว

ตอนนั้นเค้าบอกว่า...มิ้งค์เรียบร้อยและสุภาพเกินไป

ในสายตาเค้า...เค้าขอเถื่อนๆหน่อย (อันนี้เติมเอง)

แล้วขอให้เป็นเพื่อนกัน.....โอ๊ว....หนุ่มน้อยหัวใจสลาย

มันปวดจี๊ดเข้าไปจากขั้วหัวใจถึงขั้วปอด

แต่ที่ขำคือตอนนั้นมัน Hurt ร้องไห้อยู่ประมาณ 3 เดือน

แบบว่า....กลางวันใช้ชีวิตปกติ....ตกกลางคืนตอนจะนอน

เวลาคิดขึ้นมาแล้วน้ำตามันไหล...อารมณ์ประมาณว่า...

ชั้นแอบเศร้าอยู่ลึกๆในใจ :P กร๊ากกกก.....น้ำเน่าสุดๆ

ทุกวันนี้....ก็ยังมีคุยๆกันทางเมล์นิโหน่ยยย

เป็นเพื่อนกัน :D...... จบข่าวววว

Monday, July 23, 2007

เก็บตก ร้านกาแฟในฝัน

ก่อนที่พี่มิ้งค์จะเอารูปเปิดร้านมาให้ดู
ก็แอบเอารูปเบื้องหลังร้านมาให้ชมกันนิดโหน่ยค่า

ทำเลก็อยู่ที่สุขุมวิทซ. 15 จ้า ข้างๆ เป็นร้านขายยา
ถ้ามา BTS ก็ลงสถานีอโศก
ถ้ามาทางใต้ดินก็ลงสถานีสุขุมวิท

เจ้าของร้านบอกว่าเมื่อก่อนขายหนังสือน่ะ
เอ.. ช่างคนนี้ดูคุ้นๆ ป่ะ


เข้าไปดูใกล้ๆ จำกันได้ยังเอ่ย


ลงมือทำเองหมดตั้งแต่แต่งร้าน ชงกาแฟ ขายกาแฟ
สมกับเป็นเจ้าของกิจการนะเนี่ย ^^

แอบเม้าท์ พี่มิ้งค์เป็นเซียนของกินมากเลย เดินผ่านร้านไหนก็จะบอกได้ว่าอะไรดังๆ
ถ้าไปร้าน dream coffee แนะให้ไปตอนพี่มิ้งค์อยู่นะ จะได้ไปทัวร์ของกิน
(อยากกินข้าวหน้าเป็ดจัง พี่มิ้งค์บอกว่าเป็ดเป็นเป็ด)

ป.ล. เมื่อวานไม่ได้แวะไปร่วมยินดี
แต่ขอให้ dream coffee ขายดีเป็นเทน้ำเทกาแฟนะคะ เฮงๆ จ้า :)

******************************************
Edit :
พอจะเปิดร้านจริงๆปรากฏว่า Counter ที่ตั้งใจจะใช้


ดันใช้ไม่ได้...เลยสั่งทำ counter ใหม่

หน้าตาเป็นแบบนี้จ้า :D (ถ่ายพร้อมเจ๊เจ้าของร้านและทายาท)


คุณปุ้ยลงมือจัด counter ด้วยตัวเอง


น้องวินนี่ไปช่วยเรียกลูกค้า :D

Labels:

~~ดรีม คอฟฟี่ โอเพนนิ่ง~~


ในที่สุด...ก็ได้เวลาเปิดกิจการกะเค้าซะที

ร้านกาแฟใหม่ สไตล์ไทยๆ ต้นถนนสุขุมวิท

ปากซอยสุขุมวิท 15 ดรีม คอฟฟี่ - การแฟในฝัน

เมื่อวานนี้ได้ฤกษ์เปิดวันแรก...

หลายคนคงช่วยลุ้นว่าขายดีรึเปล่า :D

ฤกษ์เปิดร้าน 11 โมง นี่ก็เล่นเอารีบกันสุดฤทธิ์

ฉิวเฉียดมากๆ แถมตอนลูกค้ามาซื้อแก้วแรก

มากัน 2 คนปลั๊กที่ใช้เสียบเครื่องชงกับเครื่องบดดั๊นมาฟิวส์ขาด

เนื่องจากเจ้าเครื่องพวกนี้กินไฟสุดๆ

ถ้าให้เทียบก็เท่ากับแอร์ 10,000 BTU ประมาณ 3 เครื่อง ^^''

ช่างเป็นฤกษ์ที่จริงจริ๊งงง -_-'

แต่หลังจากนั้นทั้งวัน...มิ้งค์กี้บลูอายส์และคุณปุ้ย

ก็วุ่นขายของมือเป็นระวิง...แทบไม่ได้หยุด

อ๊ะ อ่ะ อ๊ะ...อย่าเข้าใจว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่านะครับ

ไอ้ที่ว่ามือเป็นระวิงนี่จริงๆแล้วคือ...

ช่่วยกันตบยุงกับปัดแมลงวันอ่ะครับ..

สรุปแล้ว...เมื่อวานนี้ขายไปได้ 10 แก้ว

ก็ถือว่าโอเคนะสำหรับวันแรก...คงจะเป็นเพราะว่าเป็นวันหยุดด้วย

(ปลอบใจตัวเอง...T_T)

ยังไงก็ช่วยเป็นกำลังใจให้ดรีม คอฟฟี่ ต่อไปด้วยนะครับ

หวังว่าคงจะอยู่รอดภายใต้สถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งโป้ก

ใครผ่านไปแถวนั้นก็อย่าลืมแวะเวียนกันเข้าไปชิมนะจ๊ะ

ตรงป้ายรถเมล์ปากซอยสุขุมวิท 15 พอดี (ย้ำจริงจริ๊งงง)

Wednesday, July 18, 2007

ฟูจิ :D~~~


กลับมาจากลาววันแรก...ไม่รู้ว่าคุณปุ้ยนึกยังไง

รึอยากจะเอาใจฝาละมี :D

ชวนไปกินฟูจิที่หน้าปากซอย โดยคุณปุ้ยเป็นเจ้ามือ :D

ดีจังๆ ชะเอิงเงย ~~~

แต่เรื่องที่น่าดีใจกว่าการได้กินฟูจิฟรี

คือการได้กลับมาเจอน้องวินนี่...

และคุณปุ้ย (เมียนั่งอยู่ข้างๆ เลยต้องพิมพ์เพิ่ม)

และน้องวินนี่ก็มีพัฒนาการเพิ่มเพียบเลย

ในเวลาเพียงไม่ถึง 2 อาทิตย์...

นั่นคือ...พูด"จ๋าๆๆ จ่ะๆๆ"

เวลาใครถามว่า ไหนๆใครคือน้องวินนี่ยกมือขึ้น

น้องวินนี่ก็จะยกมือ...(แต่ต้องอารมณ์ดีๆนะ)

แล้วก็ยังยกมือไหว้สวัสดีเป็นด้วย :D

แล้วก็ทำท่าคุยโทรศัพท์เอามือแนบหูแบบโทรศัพท์ได้ :D

แล้ววันนี้ตอนที่ไปทานอาหารญี่ปุ่นกันในฟูจิ

น้องวินนี่ก็ Enjoy eating มีส่วนร่วมในการกินอย่างมาก

ป้อนปลาให้น้องวินนี่...น้องวินนี่ชอบทานปลา

ทั้งแซลม่อน ทั้งปลาซาบะ ทั้งเต้าหู้ ทั้งแครอท

น้องวินนี่ทานหมดเลย...แถมตอนคุณปุ้ยป้อนไม่ทันใจ

มีการเอามือมาดึงมือคุณแม่เข้าปากอีกแน่ะ :D

พนักกงานในร้านมาเล่นด้วยกันใหญ่เลย...

ลูกสาวใครหว่า...น่ารักเหมือนพ่อไม่มีผิด

แถมยังเห็นหูเล่นตากับคนอื่นด้วยนะ....

ไปส่งยิ้มให้เค้าแล้วก็ทำท่าม้วนอายซะเอง...

นี่เป็นสัญชาตญาณการโปรยเสน่ห์ให้หนุ่มๆี่รึเปล่าเนี่ย -*-

ไม่เอาน๊า...คุณพ่อม่ายยอมม...งือๆๆ >_<

พอแระ...ไปก่อนดีกว่า...จะไปแอบสังเกตการณ์น้องวินนี่

ดูซิว่าจะเก็บเอาอะไรไปฝันรึเปล่า...หึหึหึส์

Tuesday, July 17, 2007

สาวๆลาวกรี๊ดกร๊าดดด :D

เมื่อวานนี้หลังอาหารค่ำและความพ่ายแพ้ของทีมชาติไทย

ในศึกนัดสุดท้ายของฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ...

ที่ดับความฝันของคนไทย ที่หวังจะเข้ารอบได้

หาก
เพียงแค่สามารถยันเสมอกับทีมชาติออสเตรเลียได้

ทั้งๆมีโอกาสตีเสมอได้ แต่ปิดสกอร์ได้ไม่สำเร็จหลายต่อหลายครั้ง

เมื่อโดนนำึถึง 2 ประตูต่อ 0 ใน 15 นาีทีสุดท้าย


มิ้งค์กี้บลอายส์ก็เลิกลุ้นและเดินกลับมาทำงาน

ขณะนั้นเอง...ก็มีลูกแม่ค้าขายกับข้าวสองคน


เดินตามมากรี๊ดมิ้งค์กี้บลูอายส์ :D

แหมๆ นี่เราหน้าตาดีปานนั้นเลยเหรอเนี่ย...อิอิอิ

เมือ่คืนทำงานถึงเที่ยงคืน...คืนก่อนหน้านั้นทำถึงตี 1 ครึ่ง

คืนก่อนนั้น ทำถึงตี 3 ครึ่ง....ทำให้ช่วงนี้หน้าโทรม


สิวขึ้น...และฝีขึ้นที่หลังหัวไหล่ขวา 1 เม็ด >_<


เวลานอนน้อยๆติดๆกัน ฝีขึ้นทุกทีเลย T_T

แต่กระนั้น.....

ก็ยังมีสาวๆมากรี๊ดใส่ :P ฮ่าๆๆ บางคนจะมาทำหน้าไม่เชื่อ....

งั้นให้ดูรูปดีกว่า....ว่าหล่อจริงอ๊ะป่าวววว



สังเกตป่าวว่ามาลาวทีไรถ่ายรูปกับเสื้อตัวนี้ทู๊กที ^^''
ดูรองเท้าสิ...เด็กๆไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะครับ...
ออกมาไซต์ไม่ควรใส่รองเท้าแตะนะจ๊ะ




ลมแร๊ง..แรง..ผมปลิวสยาย...แลดูน่าสยอง มองดูน่าสยิว~~ :P

Friday, July 13, 2007

อาถรรพ์ศุกร์ 13


คำเตือน : โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

เด็กและสตรีมีมีครรภ์ไม่ควรดื่มสุรา....(ของมันแหงอยู่แล้วโว๊ยยย!!)

****************************

เพื่อนๆเชื่อเรื่องผีสางกันมั๊ยครับ??

ทีแรกมิ้งค์กี้บลูอายส์เองก็ไม่เชื่อเรื่องพรรค์นี้

จนกระทั่งได้เจอกับตัวเอง....อย่างที่เคยเล่าไว้ในไดอารี่เล่มเก่า

ตอนนี้ กับ ตอนนี้อีกตอนนึง

หลังจากนั้น...ชีวิตก็ผ่านมาอย่างราบรื่น สะดวกโยธิน

และห่างไกลจากประสบการณ์ประเภทนี้มาตลอด

จนกระทั่งเมื่อวานนี้...คืนอาถรรพ์ ศุกร์ 13

ก่อนอื่น ต้องแจ้งให้ทราบก่อนว่า เวลามาทำงานที่ลาว

ทางไซต์เค้าจะจัดห้องพักให้นอนห้องละคน

เป็นห้องพัดลม มีห้องน้ำในตัว ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว

แล้วมิ้งค์ก็นอนคนเดียวนะ...หาได้แอบมาสร้างครอบครัวที่ลาว

อย่างที่พี่คนนึงได้เคยกล่าวหาไว้แต่อย่างใดไม่

แล้วมิ้งค์เองก็ไม่เคยเจออะไรประหลาดๆที่ไซต์เลย

จนกระทั่งเมื่อคืนนี้...ตอนเวลากลางดึก...จู่ๆก็รู้สึกเย็นวาบๆ

เลยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะความหนาว...

ภายในห้องมีไอเย็นๆอย่างประหลาด...ไม่เหมือนอย่างที่คุ้นเคย

ตอนที่ได้สติรู้สึกตัวนั้น ทีแรกก็ตั้งใจจะควานหาผ้าห่ม

แต่แล้วก็ต้องขนลุกซู่เมื่อได้ยินเสียงเหมือนเราไม่ได้อยู่คนเดียวในห้อง

ความรู้สึกเย็นวาบๆ เสียววูบมาถึงหน้าท้อง

แล้วก็ได้ยินเสียงเหมือนเสียงผ้าถูกัน

พาลให้นึกไปถึงผีที่ชอบโผล่มาในชุดยาวๆ พลิ้วๆ

ด้วยความกลัว ก็ไม่กล้าหันไปมอง

ได้แต่ค่อยๆคว้าผ้าห่มแล้วมุดหลบเข้าไปข้างใน

พยายามรวบรวมสติ เงี่ยหูฟังให้ชัดๆว่าเราฝันไปรึเปล่า

ทำให้แน่ใจว่า...เราต้องไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียวแหงๆ

แล้วเราก็ไม่ได้กำลังฝันไปแน่นอน >_<
พยายามข่มตัวเองให้หลับไป...
จนกระทั่งเราหลับไปในที่สุดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้....
รู้ตัวอีกที...รู้สึกเหมือนมีมือเย็นๆสากๆมาแตะหัวไหล่จากด้านหลัง
พี่เบิ้มมาสะกิดเรียกให้ตื่นไปทำงาน...เพราะเช้าแล้ว
----------------------------------------------
ประสบการณ์ในคืนอาถรรพ์ศุกร์ 13 นั้น
แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่กุขึ้นมาหลอกคนอ่านครับ :P
เมื่อคืนพี่เบิ้มมานอนด้วยคร้าบบบบ...พี่น้อง
เนื่องจากพี่เค้าเพิ่งเดินทางมาถึงเมื่อวาน และห้องนอนไม่พอ

รถไฟใต้ดินในฝันของฉัน


กี่ปีดีดัก ที่คนไทยหวังไว้ว่าจะได้ใช้ระบบขนส่งมวลชน

ที่มีประสิทธิภาพ คือ รองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพียงพอ

และตรงเวลา... เรียกได้ว่า ระบบในฝันของคนเมือง

จนกระทั่งประมาณ 10 ปีมานี้...ฝันของเราคนเมือง ก็เป็นจริงซะที

เรามีทั้งระบบรถไฟฟ้า BTS และรถไฟใต้ดิน MRT

มาช่วยบรรเทาการจราจรที่แสนจะติดขัด และอำนวยความสะดวก

ให้กับพวกเราชาวบางกอก :D

แต่ระบบที่ดี บางทีก็ไม่ได้มีดีทั้งระบบ...

บางทีก็มีบุคคลากรที่งี่เง่าๆอยู่ด้วย...



เหตุเกิดเมื่อคืนนี้นี่เองครับ...มิ้งค์กี้บลูอายส์และเพื่อนวาด

มีเหตุให้ต้องไปทำธุระแถวๆอโศก

เลยคิดว่าจะเดินทางไปด้วยรถไฟใต้ดิน...

พอไปถึงสถานีอโศกก็ลงจากรถ แล้วก็เดินขึ้นบันได

ออกมานอกสถานี แต่ปรากฏว่าขึ้นบันไดผิด

เลยย้อนกลับลงไปในสถานี เพื่อที่จะเดินลัดไปขึ้นบันไดอีกฟากนึง

แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ เลยพากันกระโดดข้ามที่กั้น

เพราะคิดว่าแค่จะข้ามไปขึ้นบันไดอีกฟากเท่านั้น...

แต่ก็ต้องโดนยามของสถานีเรียกไปจ่ายค่าปรับ...

เนื่องจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่ามิ้งค์กี้บลูอายส์กับวาด

เข้ามาในระบบโดยไม่เสียค่าผ่านทาง....

เลยให้มิ้งค์กับวาดจ่ายค่าผ่านทางคนละ 15 บาท

มิ้งค์กี้บลูอายส์กับวาดเลยชี้แจงให้เจ้าหน้าที่ทราบ

ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น...

เค้าเลยยอมคืนเงินให้ แต่บอกว่าต้องเสียส่วนที่เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม

เป็นเงินรวมกันสองคนก็ 2.10 บาท....แต่มิ้งค์กับวาดไม่ยอม

เลยเกิดทะเลาะกับเจ้าหน้าที่เกือบทั้งสถานีกันใหญ่เลย

สุดท้ายต้องเรียกหัวหน้าที่ดูแลสถานีออกมาคุย

อีตานี่ก็ยียวนกวนประสาท...บอกว่ายังไงก็ต้องจ่ายส่วนที่เป็นภาษี

อ้างนู่น อ้างนี่สารพัด....มิ้งค์กะวาดก็ยืนกระต่ายขาเดียว

ไม่ยอมๆๆๆๆ ลูกเดียว....พร้อมกับอธิบายว่า

ที่ถูกแล้วระบบมันควรจะเป็นยังไง...จะมาเอาเปรียบผู้บริโภคไม่ได้

ในเมื่อมิ้งค์ไม่ต้องจ่ายค่าปรับแล้ว..ทำไมถึงยังต้องมาเสียส่วนต่าง

ของภาษีอะไรก็ไม่รู้ 7% นี่ด้วย

จนในที่สุด เค้าก็ยอมคืนเงินพร้อมกับกล่าวขอโทษ

มิ้งค์กับวาดเลยคอมเม้นต์ระบบการบริการของสถานีใหญ่เลย

(ได้ทีขี่แพะไล่) ว่าต้องปรับปรุงนั่น นู่น นี่ ฯลฯ

ซึ่งหัวหน้าสถานีก็ยอมรับฟังแต่โดยดี....^__^

ขากลับจากธุระกับวาดเสร็จก็แวะไปหาน้องปิง

แล้วบอกน้องปิงกับน้องน่าว่าเกรดออกแล้ว

น้องปิงได้ 2.1กว่าๆ น้องน่าได้ 2.3 กว่าๆ ^^''





++++++++++++++++++





เอ่อ...ลืมบอกไปว่า..ที่จริงมิ้งค์อยู่ที่ลาวอยู่เลย...

ไอ้เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดเมื่อกี้คือที่ฝันเมื่อคืนอ่ะ :P

สงสัยจะคุยกับน้องปิงเยอะไปหน่อย....เก็บไปฝันเฉยเลย ^^''

Thursday, July 12, 2007

บ่นเรื่องงานที่ลาวหน่อยนะ

สภาพจิตใจย่ำแย่...คิดถึงบ้านมากๆแล้วอ่ะ...

อยู่นี่ไม่มีอะไรทำเลย...

ตื่นมาตอนเช้าก็อาบน้ำแล้วก็เดินมาทำงาน...

โชคดีที่ออฟฟิศอยู่ใกล้มาก เดิน 5 นาทีก็ถึงโต๊ะทำงานแล้ว

นั่งทำงานงกๆๆๆ แบบไม่รู้ว่า พอทำเสร็จลูกค้าจะพอใจมั๊ย

หลายๆครั้งที่ออกแบบตามหลักวิชาการ เจ้าของงานตรวจรัไปแล้ว

แต่ก็ต้องมีเรื่องให้กลับมาแก้อีก....ด้วยเงื่อนไขต่างๆนานา

ที่มันมีเพิ่มขึ้นมา...อย่างเช่นว่า...

ชะอุ้ย...ตรงนี้หินไม่ดี เดี๋ยวถนนพัง

โอ๊ะ..ตรงนี้ตัดไม่ได้เพราะหินแข็งเกิน

อ๊ะ...แนวนี้ไม่ดี เดี๋ยวหินจะตกลงไปโดนคนงานข้างล่าง

อ่ะเจ๊ะ...แบบนี้แพง มีถูกกว่านี้มั๊ย??

กรื๊อ....เดี๋ยวรถปีนไม่ไหวน๊า

แล้วก็มีการเปลี่ยนใจ ไป-มา ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน

ฯลฯ

ให้ทำให้ดูหลายๆแบบให้เลือกเอา....-*-

สาดดดด *%(*&*%(^&+=&$5$#@!!!

ปกติคนออกแบบต้องเป็นคนกำหนดสเป็คดิว๊าาาาาาาาา!!

จะว่าไปแรกๆ เราก็ไปยอมเค้ามากเกินไปแหละ

แบบว่า...ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับทั่น

เดี๋ยวแก้ให้คร้าบบ ฯลฯ

ตอนนี้เลยแบบว่า....นึกว่าเราคงจะว่างจัด

แล้วจะให้นั่งทำที่เมืองไทยแล้วให้ส่งแบบมาก็ไม่ได้นะ

ต้องให้มานั่งทำที่ลาว....แบบว่า จะได้เห็นสภาพหน้างานชัดๆ

คือกระผมว่า...คุณพี่ให้ลูกน้องคุณพี่ทำ Survey มาให้ชัดๆ

เอาแบบข้อมูลถูกต้องตรงเป๊ะมาให้กระผม

ผมก็ทำให้คุณพี่ได้ ไม่ว่าจะจากที่ไหนบนโลกน่ะครับ

แต่นี่อะไร...ข้อมูล survey ก็ไม่อัพเดท...เก่าโคตรเก่า

แล้วจะมาเอาข้อมูลการออกแบบที่ถูกต้องเป๊ะๆ

ประหยัดสุดๆ....นู่นนี่นั้น...

ไม่ใช่เทวดานะ...จะได้เสกให้ได้...

เฮ้อ...เดี๋ยวคืนนี้ต้องอยู่ดึกๆอีกแหงๆเลย....

ไปหาไรกินดีกว่า....หิววววววววว

Sunday, July 08, 2007

แล้วเราก็กลับมา


หลังจากกลับไปเหยียบผืนแผ่นดินแห่งมาตุภูมิ
ได้เพียงเซเว่นทิวาเท่านั้น....
มิ้งค์กี้บลูอายส์ก็ต้องระเห็จจากบ้านและน้องนางมาปฏิบัติ
ภารกิจที่ไม่มีวันจบที่นครเวียงลาวบุรีศรีรามเทพนครอมรเวศ์
ข้ามน้ำข้ามฟ้าเดินทางครึ่งค่อนวัน
ฝ่าเปลวแดดและฝุ่นธุลีดิน มาถึงแดนสนธยาลับแลแบกะดิน
นามว่า น้ำงึมแดมทูเมโทรโปลิศซิตี้
ดินแดนแห่งการก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ยักษ์เมก้าโปรเจ็ค
ซึ่งมีตำนานเล่ากล่าวกันว่า...
เป็นการลงขันของภาคเอกชนและรัฐบาล
ของประเทศมหาอำนาจที่มีประเพณีในการฉีก รธน.
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...(ว่ากันว่าแทบจะฉีกและร่างใหม่ทุกๆ 10 ปี)
อ๊ะๆๆ ชักคล้ายๆเรื่องบ้านเรา...ขอยืนยันว่าไม่ได้เอ่ยถึงไทยแลนด์นะ
เอ่อ....แถมอีกหน่อย...ล่าสุดนี้มีข่าวออกมาว่า
ไฮโซของประเทศมหาอำนาจที่ว่านี้ขับรถไล่เหยีบลคนด้วย
แล้วพ่อมันก็จะเอาเงินฟาดหัวคนเพื่อให้เรื่องเงียบ :P
เอ่อ....เหนื่อยแระ....เดินทางนาน เมื่อยตูด....
เอาเป็นว่า..มิ้งค์เดินทางมาถึงสปป.ลาวเรียบร้อยปลอดภัยดีนะครับ
ขอตัวไปพักผ่อนก่อนดีกว่าจ้า...บ๊ายบายยย

Monday, July 02, 2007

น้าๆกับปัญหาคาใจ


คำเตือน : เนื้อหาในบล็อควันนี้อาจจะส่งผลกระทบอันใหญ่หลวง ต่อความมั่นคงของชาติ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

ชื่อเรื่อง "น้าๆกับปัญหาคาใจ" นี้


ความจริงมีที่มานะครับ...เป็นเรื่องสองเรื่องที่จะเอามาเล่าวันนี้

และสองเรื่องนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวกับน้าๆ(น้องของแม่)

หรือปัญหาคาใจใดๆทั้งสิ้น :P


แต่ที่ตั้งแบบนี้เพราะว่ามันคล้องจองกันดีอ่ะครับ


เอาเรื่องปัญหาคาใจก่อนนะครับ...

ปัญหาที่ว่า .......

"เมื่อวานนี้มิ้งค์เลือกไปกินในเวียงจันทร์หรือไปดูหนัง?"

เชื่อว่าหลายๆคนคงจะนอนกันไม่หลับ เพราะมัวแต่ไปขบคิดว่า

จริงๆแล้ว...การที่มิ้งค์กี้บลูอายส์จะเลือกไปหาของกินอร่อยๆ

ในเวียงจันทร์ กับการเลือกไปดูหนังในอุดรฯนั้น

จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีและพหุภาคีของไทยกับลาว


และกลุ่มประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงอย่างไรบ้าง??

หรือจะส่งผลกระทบต่อดรรชนี NASDAQ หุ้น IPO


ในกลุ่มตลาดอุตสาหกรรมภาพยนต์ของโลก

คืนนี้ทุกคนคงจะฝันดีสบายใจเมื่อมิ้งค์กี้บลูอายส์เฉลย

ให้ทราบว่า...มิ้งค์เลือกที่จะไปดู Transformers ล่ะ :D


หลงไหลมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว...คิดถึงแสนจะคิดถึง


เลยตัดสินใจไปดูหนังดีกว่า ^__^

แต่กลับไม่ค่อยประทับใจแฮะ...

สงสัยความเป็นเด็กใจตัวมันหายไปเกือบหมดแล้ว -_-''

หุ่นแต่ละตัวก็หน้าตาคล้ายๆกัน ดูไม่ออกใครเป็นใคร?

ออโตบ็อต หรือ ดิเซปติคอน??

แต่หนังก็สอดแทรกมุกตลกไว้ตลอดเรื่อง....น่ารักดี


โดยรวมแล้วก็น่าไปดูแหละครับ :D

ส่วนอีกเรื่องที่จะเล่าคือ


ตอนที่อยู่ในลาวเนี่ย..มิ้งค์ก็ต้องออกไปดู site งานใช่มะครับ

เวลาจะออกไป Site ทีนึงก็ต้องจองรถ

มีคนขับรถขับออกไปให้...เพราะจะทะเล่อทะล่าขับไปเอง


อาจจะขับตกเขาตายได้ง่ายๆ เพราะทางมันคดเคี้ยวและลาดชัน

มันไม่ใช่ขี้ๆเลยนะครับพ่อแม่พี่น้อง :P

และประเด็นของเรื่องมันอยู่ตรงคนที่ขับรถให้มิ้งค์คราวนี้น่ะสิครับ

อายุก็คราวๆน้องๆพ่อผมแล้ว แต่แกเรียกกระผมว่า "น้า" ทุกคำเลยครับ T_T

คือบางทีเราจะโดนคนที่มีวุฒิภาวะต่ำกว่าเราเรียกเราว่า "พี่" บ้าง

มันก็ไม่เท่าไหร่ใช่มะครับ...แต่นี่...น้าแกเรียกมิ้งค์ว่า "น้า"ทุกคำ!!

มันจะหมายความว่ายังไงได้บ้างล่ะครับเนี่ย >_< เหตุการณ์นี้ทำให้มิ้งค์คิดว่า...


รัฐบาลไทยน่าจะทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ทางการฑูตกับลาวแล้วล่ะครับ

ลาวคงไม่ใช่เพื่อนบ้านที่ดีของไทยอีกต่อไปแล้ว >_< จะติดคุกมั๊ยเนี่ย :P ปล.เรียนทั่นนายกรัฐมนตรีและทั่นประธาน คมช. ผมล้อเล่นนะครับทั่น ปลล.ก่อนลาขอแสดงความก้าวหน้าของโครงการที่ลาว
ให้ได้ชมกันผ่านภาพเหล่านี้ก็แล้วกันนะครับ


ภาพแรกเป็นภาพอุโมงค์ผันน้ำหรือ Diversion Tunnel ครับ
ใช้สำหรับผันน้ำออกจากแนวแม่น้ำเดิม สำหรับเตรียมพื้นที่
การก่อสร้างตัวเขื่อนครับผม มีสองอุโมงค์ครับ
ปัจจุบันสร้างเสร็จแล้วครับ ^__^



รูปที่สองคือแนวของแกนเขื่อนครับ
ปัจจุบันกำลังเร่งดำเนินการก่อสร้างส่วนที่เรียกว่า Plinth
ซึ่งก็คือฐานของตัวเขื่อนนั่นเองครับ



และภาพสุดท้าย..คือภาพน้ำงึมจากมุมสูงครับ...
นี่แหละคือแม่น้ำสายที่เรากำลังจะสร้างเขื่อนปิดมัน
เพื่อนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าให้พวกเราใช้กันไงครับ