Wednesday, January 31, 2007
Wednesday, January 24, 2007
รวบยอด!!
ก็ตั้งแต่กลับจากลาวมา นี่ก็เกือบ 1 อาทิตย์แล้ว
เล่าถึงภาระกิจที่ สปป.ลาวซักนิดก็แล้วกัน :D
คือมิ้งค์กี้บลูอายส์ไปลาวด้วยกิจธุระอย่างนึง
นั่นก็คือไปไซต์งานก่อสร้างเขื่อนน้ำงึม 2
ขอกล่าวถึงโครงการนี้ซักเล็กน้อยว่า
เขื่อนน้ำงึม 2 นี้เป็นเขื่อนผลิตกาะแสไฟฟ้าพลังน้ำ
ที่บริษัทเอกชนของไทยแห่งหนึ่งไปขอสัมปทานก่อสร้าง
และผลิตกระแสไฟฟ้าเข้ามาขายให้กับพวกเราชาวไทย
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั่นเองครับ ^^
เรื่องนี้เองก็มีประเด็นที่น่าจะทำให้เราฉุกใจคิดซักนิดนะครับว่า
วันนี้การเพิ่มขึ้นของประชากรประเทศเรา
มันรวดเร็วซะจนต้องไปอาศัยทรัพยากรนอกประเทศ
เพื่อนำมาผลิตไฟฟ้าซึ่งเป็น 1 ในปัจจัยพื้นฐานที่เราทุกคนต้องใช้
ซึ่งแน่นอนว่าคนภาคอิสานที่ต้องซื้อไฟฟ้าใช้จากลาว
วันนึงก็คงต้องจ่ายค่าไฟที่แพงขึ้นด้วย....
พอเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นชัดๆแบบนี้ ก็อดห่วงคนรุ่นหลังๆไม่ได้
(พอมีลูกแล้วก็จะคิดเรื่องแบบนี้บ่อยหน่อยอ่ะ ^^'')
ก็เขียนทิ้งไว้แค่นี้แล้วกัน...ไปคิดกันต่อเล่นๆเอาเอง...
ดูรูปที่ลาวดีกว่าเนาะ ^__^
นี่คือสภาพไซต์งานที่ไปมาครับ....กันดารสุดๆ
หนาวก็หนาว แถมลมก็แรง แต่แดดแผดเผาเปรี้ยงๆ ผิวเสียหมดเลย T_T
วิศวกรหนุ่ม(พุง)ใหญ่ไฟแรงตั้งใจทำงานครับ
นี่ก็(ตูด)ผู้ร่วมงานในทริปนี้ครับ ^^
ส่วนงานที่มิ้งค์กี้บลูอายส์ไปทำก็คือ...ไปออกแบบถนน
ที่เป็นทางเข้าโรงไฟฟ้า (POWER HOUSE) นั่นเองครับ
+++++++++++++++++++++++++++++++++
ต่อด้วยเรื่องที่สองกันเลยครับ....
ก็อย่างที่บอกในชื่อเรื่องวันนี้ว่าเป็นการ "รวบยอด" ไงครับ
เรื่อง "ดา...ดา และ ดา" ครับผม ^^
ไม่ต้องงงกันครับ...
คือคุณปุ้ยไประลึกได้ว่าตอนที่ตั้งชื่อจริงให้น้องวินนี่
เมื่อคำนวณดูตามหลักเลขศาสตร์แล้ว
มันไม่เป็นมงคล ประกอบกับชื่อของคุณปุ้ยเองก็ด้วย
เลยเกิดอารมณ์อยากจะเปลี่ยนชื่อตัวเองและชื่อลูกขึ้นมาซะงั้น
ตอนนี้น้องวินนี่ที่มีชื่อเดิมว่า ด.ญ.ภาริชญา
จะต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ด.ญ. ชนัญชิดา (ดาที่ 1) แล้วครับ
ส่วนคุณปุ้ยเองก็ไปปิ๊งชื่อใหม่ว่า.... สุภรดา (ดาที่ 2)
อ่านว่า สุ-พะ-ระ-ดา นะครับ
ส่วนดาที่ 3 จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ นายกฤษดา คนนี้นี่เองครับ
พอมาดูๆแล้ว...ชื่อใหม่คุณภรรเมีย และคุณลูกฟังดูไฮโซกันทั้งนั้น
ชื่อ กฤษดา เลยฟังดูเชยๆไปเลย...ไหนๆก็เชยแล้ว
ขอเปลี่ยนมันซะเลยดีกว่า...เอาแบบให้มันสุดกู่ไปเลยแล้วกัน
ประชดลูกเมีย...อยากมีชื่อหรูๆกันดีนัก
มิ้งค์กี้บลูอายส์เลยประกาศลั่นบ้านว่า....ต่อไปนี้จงเรียกข้าว่า....
"ไอ้เท่ง"
ย่อมาจาก....เท่งทึง หรือว่า ม่องเท่งก็ได้ :P
**************************************
ปล.ที่จริงว่าจะอวดรูปน้องวินนี่คอเล็คชั่นใหม่
ประจำเดือนมกราคม 2550 แต่ไม่โหลดดีกว่า...
ขี้เกียจแล้วอ่ะ...ดูรูปคุณพ่อลูกอ่อนไปก่อนนะครับ
เล่าถึงภาระกิจที่ สปป.ลาวซักนิดก็แล้วกัน :D
คือมิ้งค์กี้บลูอายส์ไปลาวด้วยกิจธุระอย่างนึง
นั่นก็คือไปไซต์งานก่อสร้างเขื่อนน้ำงึม 2
ขอกล่าวถึงโครงการนี้ซักเล็กน้อยว่า
เขื่อนน้ำงึม 2 นี้เป็นเขื่อนผลิตกาะแสไฟฟ้าพลังน้ำ
ที่บริษัทเอกชนของไทยแห่งหนึ่งไปขอสัมปทานก่อสร้าง
และผลิตกระแสไฟฟ้าเข้ามาขายให้กับพวกเราชาวไทย
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั่นเองครับ ^^
เรื่องนี้เองก็มีประเด็นที่น่าจะทำให้เราฉุกใจคิดซักนิดนะครับว่า
วันนี้การเพิ่มขึ้นของประชากรประเทศเรา
มันรวดเร็วซะจนต้องไปอาศัยทรัพยากรนอกประเทศ
เพื่อนำมาผลิตไฟฟ้าซึ่งเป็น 1 ในปัจจัยพื้นฐานที่เราทุกคนต้องใช้
ซึ่งแน่นอนว่าคนภาคอิสานที่ต้องซื้อไฟฟ้าใช้จากลาว
วันนึงก็คงต้องจ่ายค่าไฟที่แพงขึ้นด้วย....
พอเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นชัดๆแบบนี้ ก็อดห่วงคนรุ่นหลังๆไม่ได้
(พอมีลูกแล้วก็จะคิดเรื่องแบบนี้บ่อยหน่อยอ่ะ ^^'')
ก็เขียนทิ้งไว้แค่นี้แล้วกัน...ไปคิดกันต่อเล่นๆเอาเอง...
ดูรูปที่ลาวดีกว่าเนาะ ^__^
นี่คือสภาพไซต์งานที่ไปมาครับ....กันดารสุดๆ
หนาวก็หนาว แถมลมก็แรง แต่แดดแผดเผาเปรี้ยงๆ ผิวเสียหมดเลย T_T
วิศวกรหนุ่ม(พุง)ใหญ่ไฟแรงตั้งใจทำงานครับ
นี่ก็(ตูด)ผู้ร่วมงานในทริปนี้ครับ ^^
ส่วนงานที่มิ้งค์กี้บลูอายส์ไปทำก็คือ...ไปออกแบบถนน
ที่เป็นทางเข้าโรงไฟฟ้า (POWER HOUSE) นั่นเองครับ
+++++++++++++++++++++++++++++++++
ต่อด้วยเรื่องที่สองกันเลยครับ....
ก็อย่างที่บอกในชื่อเรื่องวันนี้ว่าเป็นการ "รวบยอด" ไงครับ
เรื่อง "ดา...ดา และ ดา" ครับผม ^^
ไม่ต้องงงกันครับ...
คือคุณปุ้ยไประลึกได้ว่าตอนที่ตั้งชื่อจริงให้น้องวินนี่
เมื่อคำนวณดูตามหลักเลขศาสตร์แล้ว
มันไม่เป็นมงคล ประกอบกับชื่อของคุณปุ้ยเองก็ด้วย
เลยเกิดอารมณ์อยากจะเปลี่ยนชื่อตัวเองและชื่อลูกขึ้นมาซะงั้น
ตอนนี้น้องวินนี่ที่มีชื่อเดิมว่า ด.ญ.ภาริชญา
จะต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ด.ญ. ชนัญชิดา (ดาที่ 1) แล้วครับ
ส่วนคุณปุ้ยเองก็ไปปิ๊งชื่อใหม่ว่า.... สุภรดา (ดาที่ 2)
อ่านว่า สุ-พะ-ระ-ดา นะครับ
ส่วนดาที่ 3 จะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ นายกฤษดา คนนี้นี่เองครับ
พอมาดูๆแล้ว...ชื่อใหม่คุณภรรเมีย และคุณลูกฟังดูไฮโซกันทั้งนั้น
ชื่อ กฤษดา เลยฟังดูเชยๆไปเลย...ไหนๆก็เชยแล้ว
ขอเปลี่ยนมันซะเลยดีกว่า...เอาแบบให้มันสุดกู่ไปเลยแล้วกัน
ประชดลูกเมีย...อยากมีชื่อหรูๆกันดีนัก
มิ้งค์กี้บลูอายส์เลยประกาศลั่นบ้านว่า....ต่อไปนี้จงเรียกข้าว่า....
"ไอ้เท่ง"
ย่อมาจาก....เท่งทึง หรือว่า ม่องเท่งก็ได้ :P
**************************************
ปล.ที่จริงว่าจะอวดรูปน้องวินนี่คอเล็คชั่นใหม่
ประจำเดือนมกราคม 2550 แต่ไม่โหลดดีกว่า...
ขี้เกียจแล้วอ่ะ...ดูรูปคุณพ่อลูกอ่อนไปก่อนนะครับ
Saturday, January 13, 2007
เกาะกระแส TAG!!
แหมๆ เห็นฮิตกันจัง...ไอ้แทคเนี่ย
ไปที่ไหนๆก็เห็นเค้า tag กัน
ก็พลอยนึกในใจว่า เอ..จะมีใครแทคมิ้งค์กี้บลูอายส์มั่งมั๊ยน๊า??
ซึ่งก็มาค้นพบความจริงข้อนึงในภายหลังว่า...
ที่จริงแล้ว...มีเพื่อนๆอยู่หลายคนเหมือนกันที่คิดจะแทคมิ้งค์กี้บลูอายส์
แต่มิ้งค์กี้บลูอายส์ได้แสดงความดีใจจนออกนอกหน้า
ป่าวประกาศไปก่อนซะทั่วเลยว่าโดน พี่ตุ๋ม แทคมาแล้ว
ทำให้หลายๆคนที่ตั้งใจจะแทคมิ้งค์กี้บลูอายส์เปลี่ยนใจไปแทคคนอื่น
จากการนี้เอง....นอกจากนิยามของการแทคแล้ว...
มิ้งค์กี้บลูอายส์ยังได้เรียนรู้ข้อเท็จจริงอีกถึง 2 ข้อด้วยกัน
ซึ่งนั้นก็คือ...
1.ใครที่โดนคนอื่นแทคแล้ว...ถ้าเรารู้....เราจะไม่แทคคนนั้น
และ
2.ถ้าโดนแทคแล้วเราไม่รีบแทคต่อ...เราจะยิ่งเหลือคนให้แทคน้อยลง
กรณีหลังนี่คงจะสำหรับคนที่พรรคพวกน้อย(เพื่อนไม่รัก)อ่ะนะครับ
อย่ากระนั้นเลย...เนื่องจากดองบล็อคไว้ซะนาน แถมอาทิตย์หน้า
มิ้งค์กี้บลูอายส์จะโกอินเตอร์ไปทำงานเมืองนอก (สปป.ลาว)
เอวัง....จึงขอเริ่มการแทคต่อด้วยประการฉะนี้
เริ่มจากนิยามของการแทค (ที่ลอกเค้ามา) <--- ในวงเล็บนี้ก็ลอกเค้า :P
"คือการบอกเรื่องของตัวเองที่คนอื่นไม่รู้มา 50 ข้อ"
เอ่อ....มากไปป่ะครับ...ลูกผมแก่ยังเล่าไม่หมดเลย -_-''
ขอต่อเหลือ 5 ข้อละกัน...แค่ 5 ข้อก็นึกยากแล้วนะ
1. มิ้งค์มีรอยแผลเป็นบนหน้าผาก เป็นแนวเส้นตรงในแนวดิ่ง
ผ่านแนวศูนย์กลางของร่างกายพอดี๊..พอดี เป็นรอยเย็บ 8 เข็ม
เกิดจากการตกเก้าอี้สมัยอายุประมาณ 3 ขวบ ซึ่งมิ้งค์กี้บลูอายส์
ก็จำฝังหัวมาตลอดว่า เกิดจากอุบัติเหตุที่โดน น้องเฟอร์ เบียดตกจากเก้าอี้
ขณะที่กำลังช่วยแม่ล้างผักเตรียมทำอาหาร (ปีนเก้าอี้ไปบนอ่างเพื่อล้างผัก)
ซึ่งเวลาใครถามเรื่องแผลเป็นบนหน้าผากมิ้งค์กี้บลูอายส์ก็จะตอบแบบนี้
แต่ความจริงที่เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เองก็คือ...มิ้งค์ซุ่มซ่ามตกลงมาเองง่ะ
ไม่ได้โดนน้องเฟอร์เบียดตกเก้าอี้ลงมาแต่อย่างใด :P
โทษทีนะเฟอร์..ทีตกเป็นจำเลยบาปมา 25 ปี (-/-)
2. อันนี้แอบลอกมาจาก น้องเมเม่ เรื่อง First KISS อ่ะ *_*
อายจังที่จะบอกว่าตอนนั้นยังเรียนหนังสืออยู่เลย
แล้วก็นึกสงสัยมาตลอดว่าไอ้จูบแรกเนี่ยมันจะรสมะนาวจริงป่าววะ
ครั้งแรกที่จ๊วบบบบ...ตอนนั้นก็ยังพยายามเปิดประสาทการรับรสเต็มที่
ประมาณว่า "เอาล่ะเว้ย...จะได้รู้กันล่ะทีนี้...หึหึหึ" (-,,-)
แล้วคำตอบที่แสนจะทำร้ายหัวใจวัยรุ่นก็คือ...
---ไม่เห็นจะมีรสอะไรเลย--- -_-'
แต่ก็เพลินดีนะครับ :P
น้องๆอย่าเลียนแบบนะครับ...
3. มิ้งค์กี้บลูอายส์เคยทะเลาะกับป๊าตอนสมัยประถมด้วยล่ะ...
จะว่าไปที่จริงมันก็ไม่ใช่ทะเลาะหรอก...เพราะมิ้งค์ไม่ได้ตอบโต้
แต่จำได้ว่าโดนป๊าตีไปหลายที...แล้วต่างคนก็ต่างงอนกัน...
สุดท้ายเลยไม่พูดกันไปเลยประมาณ 1 ปี...แบบว่าป๊าเดินมาห้องที่มิ้งค์อยู่
มิ้งค์ก็จะเดินหนี...พอมิ้งค์เดินไปห้องที่ป๊าอยู่..ป๊าก็เดินหนีเหมือนกัน
บรรยากาศในบ้านมาคุสุดๆ ไม่น่าอยู่เลย...
ทำให้ความสัมพันธ์ของมิ้งค์กี้บลูอายส์กับป๊าไม่ดีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ความจริงตอนนี้ก็ดีแล้วแหละ...เพราะหลังจากตอนนั้นม๊าก็ชวนไกล่เกลี่ย
แล้วก็ให้มิ้งค์ไปขอโทษป๊า...แล้วเราก็คุยกัน....แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมง่ะ
เลยสาบานกับตัวเองว่า...เรื่องนั้นจะเป็นบทเรียนให้มิ้งค์
เพื่อคอยเตือนให้มิ้งค์รู้ว่ามิ้งค์จะสานสัมพันธ์ในครอบครัวยังไง
+++++++++++++++++++++++++++
ประมาณนี้อ่ะครับ...จากตัวอย่างข้างต้น
บางท่านจะพบว่าอาจทำให้คู่สนทนางงเองได้หากหัวข้อ
ของการสนทนานั้นมีความสลับซับซ้อนกว่านี้...
ด้วยเหตุนพักหลังๆเพื่อไม่ให้สับสนเวลาคุยกัน
มิ้งค์กี้บลูอายส์เลยเรียกคุณปุ้ยว่า "น้องอู๊ด" แทนครับ
แต่อนิจจา...เดี๋ยวนี้คุณปุ้ยก็เรียกมิ้งค์ว่า "น้องอู๊ด" เหมือนกันง่ะ
เพราะฉะนั้น..ตอนนี้เราก็เลยยังงงๆเวลาคุยกันอยู่อ่ะครับ :P
และในที่สุดก็มาถึงข้อสุดท้ายซะที :)
เรื่องสุดท้ายเกี่ยวกับมิ้งค์กี้บลูอายส์ที่คนอื่นไม่รู้
มิ้งค์กี้บลูอายส์ขอมอบเป็นวิทยาทานแก่แฟนๆก็แล้วกันนะครับ
นั่นก็คือ....ข้อ 5.
"เคล็ดลับความงามของมิ้งค์กี้บลูอายส์" ครับผม
เห็นมิ้งค์อย่างงี้...บางทีมิ้งค์ก็สำอางค์เหมือนกันนะครับ...
ครั้งนึงสมัยเด็กๆ มิ้งค์อ่านการ์ตูนเรื่อง ข้าชื่อโคาทโร่
มีเพื่อนพระเอกคนนึงหัวเหม่งมีนามว่า เท็นโคจิ เทรุฮิโก
ชอบฝานมะนาวมาโบ๊ะหน้า....เพื่อให้หน้าเด้งใสปิ๊ง
มิ้งค์กี้บลูอายส์ที่แสนจะไร้เดียงสา(แต่อยากหล่อ)ก็ไปเชื่อการ์ตูนง่ะ
กลับมาบ้านมาทำมั่ง...น้ำมะนาวเข้าตาแสบเลยเลิกไปเลย
ดังนั้จนป่านนี้เลยยังไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วมันจะได้ผล
กับสภาพหนังหน้าอย่างมิ้งค์กี้บลูอายส์รึเปล่า??
สูตรนี้ไม่หวง..ใครลองไปทำดูก็ได้นะครับ...
เวิร์คไม่เวิร์คก็บอกกันมั่งล่ะครับ ^^''
+++++++++++++++++++++++++++++++
เอาล่ะ....เมื่อครบ 5 ข้อแล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนการ TAG ต่ออีก 5 คน
คนที่เล็งๆไว้หลายๆคนก็โดนไปแล้ว...งั้นมิ้งค์กี้บลูอายส์ขอเสนอดังนี้ครับ
การแทคนี่ทำให้เราต้องอัพบล็อคยาวๆเนาะครับ ^^''
ขอบคุณที่ตามอ่านจนจบครับ...มิสๆๆ จุ๊บๆๆ
ปล.ขออภัยท่านที่โดนแทคที่มิ้งค์กี้บลูอายส์ไม่ได้
ขออนุญาตไว้ก่อนนะครับ...หวังว่าคงไม่เป็นไรนะครับ
ไปที่ไหนๆก็เห็นเค้า tag กัน
ก็พลอยนึกในใจว่า เอ..จะมีใครแทคมิ้งค์กี้บลูอายส์มั่งมั๊ยน๊า??
ซึ่งก็มาค้นพบความจริงข้อนึงในภายหลังว่า...
ที่จริงแล้ว...มีเพื่อนๆอยู่หลายคนเหมือนกันที่คิดจะแทคมิ้งค์กี้บลูอายส์
แต่มิ้งค์กี้บลูอายส์ได้แสดงความดีใจจนออกนอกหน้า
ป่าวประกาศไปก่อนซะทั่วเลยว่าโดน พี่ตุ๋ม แทคมาแล้ว
ทำให้หลายๆคนที่ตั้งใจจะแทคมิ้งค์กี้บลูอายส์เปลี่ยนใจไปแทคคนอื่น
จากการนี้เอง....นอกจากนิยามของการแทคแล้ว...
มิ้งค์กี้บลูอายส์ยังได้เรียนรู้ข้อเท็จจริงอีกถึง 2 ข้อด้วยกัน
ซึ่งนั้นก็คือ...
1.ใครที่โดนคนอื่นแทคแล้ว...ถ้าเรารู้....เราจะไม่แทคคนนั้น
และ
2.ถ้าโดนแทคแล้วเราไม่รีบแทคต่อ...เราจะยิ่งเหลือคนให้แทคน้อยลง
กรณีหลังนี่คงจะสำหรับคนที่พรรคพวกน้อย(เพื่อนไม่รัก)อ่ะนะครับ
อย่ากระนั้นเลย...เนื่องจากดองบล็อคไว้ซะนาน แถมอาทิตย์หน้า
มิ้งค์กี้บลูอายส์จะโกอินเตอร์ไปทำงานเมืองนอก (สปป.ลาว)
เอวัง....จึงขอเริ่มการแทคต่อด้วยประการฉะนี้
เริ่มจากนิยามของการแทค (ที่ลอกเค้ามา) <--- ในวงเล็บนี้ก็ลอกเค้า :P
"คือการบอกเรื่องของตัวเองที่คนอื่นไม่รู้มา 50 ข้อ"
เอ่อ....มากไปป่ะครับ...ลูกผมแก่ยังเล่าไม่หมดเลย -_-''
ขอต่อเหลือ 5 ข้อละกัน...แค่ 5 ข้อก็นึกยากแล้วนะ
1. มิ้งค์มีรอยแผลเป็นบนหน้าผาก เป็นแนวเส้นตรงในแนวดิ่ง
ผ่านแนวศูนย์กลางของร่างกายพอดี๊..พอดี เป็นรอยเย็บ 8 เข็ม
เกิดจากการตกเก้าอี้สมัยอายุประมาณ 3 ขวบ ซึ่งมิ้งค์กี้บลูอายส์
ก็จำฝังหัวมาตลอดว่า เกิดจากอุบัติเหตุที่โดน น้องเฟอร์ เบียดตกจากเก้าอี้
ขณะที่กำลังช่วยแม่ล้างผักเตรียมทำอาหาร (ปีนเก้าอี้ไปบนอ่างเพื่อล้างผัก)
ซึ่งเวลาใครถามเรื่องแผลเป็นบนหน้าผากมิ้งค์กี้บลูอายส์ก็จะตอบแบบนี้
แต่ความจริงที่เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เองก็คือ...มิ้งค์ซุ่มซ่ามตกลงมาเองง่ะ
ไม่ได้โดนน้องเฟอร์เบียดตกเก้าอี้ลงมาแต่อย่างใด :P
โทษทีนะเฟอร์..ทีตกเป็นจำเลยบาปมา 25 ปี (-/-)
2. อันนี้แอบลอกมาจาก น้องเมเม่ เรื่อง First KISS อ่ะ *_*
อายจังที่จะบอกว่าตอนนั้นยังเรียนหนังสืออยู่เลย
แล้วก็นึกสงสัยมาตลอดว่าไอ้จูบแรกเนี่ยมันจะรสมะนาวจริงป่าววะ
ครั้งแรกที่จ๊วบบบบ...ตอนนั้นก็ยังพยายามเปิดประสาทการรับรสเต็มที่
ประมาณว่า "เอาล่ะเว้ย...จะได้รู้กันล่ะทีนี้...หึหึหึ" (-,,-)
แล้วคำตอบที่แสนจะทำร้ายหัวใจวัยรุ่นก็คือ...
---ไม่เห็นจะมีรสอะไรเลย--- -_-'
แต่ก็เพลินดีนะครับ :P
น้องๆอย่าเลียนแบบนะครับ...
3. มิ้งค์กี้บลูอายส์เคยทะเลาะกับป๊าตอนสมัยประถมด้วยล่ะ...
จะว่าไปที่จริงมันก็ไม่ใช่ทะเลาะหรอก...เพราะมิ้งค์ไม่ได้ตอบโต้
แต่จำได้ว่าโดนป๊าตีไปหลายที...แล้วต่างคนก็ต่างงอนกัน...
สุดท้ายเลยไม่พูดกันไปเลยประมาณ 1 ปี...แบบว่าป๊าเดินมาห้องที่มิ้งค์อยู่
มิ้งค์ก็จะเดินหนี...พอมิ้งค์เดินไปห้องที่ป๊าอยู่..ป๊าก็เดินหนีเหมือนกัน
บรรยากาศในบ้านมาคุสุดๆ ไม่น่าอยู่เลย...
ทำให้ความสัมพันธ์ของมิ้งค์กี้บลูอายส์กับป๊าไม่ดีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ความจริงตอนนี้ก็ดีแล้วแหละ...เพราะหลังจากตอนนั้นม๊าก็ชวนไกล่เกลี่ย
แล้วก็ให้มิ้งค์ไปขอโทษป๊า...แล้วเราก็คุยกัน....แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมง่ะ
เลยสาบานกับตัวเองว่า...เรื่องนั้นจะเป็นบทเรียนให้มิ้งค์
เพื่อคอยเตือนให้มิ้งค์รู้ว่ามิ้งค์จะสานสัมพันธ์ในครอบครัวยังไง
4. เคยบอกไว้ในบล็อคตอนเก่าๆตอนนึงว่าเวลาคุยกับคุณปุ้ย
สรรพนามที่ใช้เรียกกันเราจะใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 ว่า "แฟน"
และใช้สรรพนามบุรุษที่ 2 ว่า "น้องแฟน" ยกตัวอย่างเช่น
สรรพนามที่ใช้เรียกกันเราจะใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 ว่า "แฟน"
และใช้สรรพนามบุรุษที่ 2 ว่า "น้องแฟน" ยกตัวอย่างเช่น
+++++++++++++++++++++++++++
มิ้งค์ : วันนี้น้องแฟนจะไปว่ายน้ำมั๊ยคะ?เดี๋ยวแฟนไปส่ง
คุณปุ้ย : ไปค่ะ...แล้วน้องแฟนจะไปส่งแฟนกี่โมงคะ?
มิ้งค์ : แล้วน้องแฟนอยากไปตอนไหนล่ะ?แฟนออกตอนไหนก็ได้
คุณปุ้ย : ส่งแฟนแล้วน้องแฟนจะไปไหนต่อล่ะ??
+++++++++++++++++++++++++++คุณปุ้ย : ไปค่ะ...แล้วน้องแฟนจะไปส่งแฟนกี่โมงคะ?
มิ้งค์ : แล้วน้องแฟนอยากไปตอนไหนล่ะ?แฟนออกตอนไหนก็ได้
คุณปุ้ย : ส่งแฟนแล้วน้องแฟนจะไปไหนต่อล่ะ??
ประมาณนี้อ่ะครับ...จากตัวอย่างข้างต้น
บางท่านจะพบว่าอาจทำให้คู่สนทนางงเองได้หากหัวข้อ
ของการสนทนานั้นมีความสลับซับซ้อนกว่านี้...
ด้วยเหตุนพักหลังๆเพื่อไม่ให้สับสนเวลาคุยกัน
มิ้งค์กี้บลูอายส์เลยเรียกคุณปุ้ยว่า "น้องอู๊ด" แทนครับ
แต่อนิจจา...เดี๋ยวนี้คุณปุ้ยก็เรียกมิ้งค์ว่า "น้องอู๊ด" เหมือนกันง่ะ
เพราะฉะนั้น..ตอนนี้เราก็เลยยังงงๆเวลาคุยกันอยู่อ่ะครับ :P
และในที่สุดก็มาถึงข้อสุดท้ายซะที :)
เรื่องสุดท้ายเกี่ยวกับมิ้งค์กี้บลูอายส์ที่คนอื่นไม่รู้
มิ้งค์กี้บลูอายส์ขอมอบเป็นวิทยาทานแก่แฟนๆก็แล้วกันนะครับ
นั่นก็คือ....ข้อ 5.
"เคล็ดลับความงามของมิ้งค์กี้บลูอายส์" ครับผม
เห็นมิ้งค์อย่างงี้...บางทีมิ้งค์ก็สำอางค์เหมือนกันนะครับ...
ครั้งนึงสมัยเด็กๆ มิ้งค์อ่านการ์ตูนเรื่อง ข้าชื่อโคาทโร่
มีเพื่อนพระเอกคนนึงหัวเหม่งมีนามว่า เท็นโคจิ เทรุฮิโก
ชอบฝานมะนาวมาโบ๊ะหน้า....เพื่อให้หน้าเด้งใสปิ๊ง
มิ้งค์กี้บลูอายส์ที่แสนจะไร้เดียงสา(แต่อยากหล่อ)ก็ไปเชื่อการ์ตูนง่ะ
กลับมาบ้านมาทำมั่ง...น้ำมะนาวเข้าตาแสบเลยเลิกไปเลย
ดังนั้จนป่านนี้เลยยังไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วมันจะได้ผล
กับสภาพหนังหน้าอย่างมิ้งค์กี้บลูอายส์รึเปล่า??
สูตรนี้ไม่หวง..ใครลองไปทำดูก็ได้นะครับ...
เวิร์คไม่เวิร์คก็บอกกันมั่งล่ะครับ ^^''
+++++++++++++++++++++++++++++++
เอาล่ะ....เมื่อครบ 5 ข้อแล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนการ TAG ต่ออีก 5 คน
คนที่เล็งๆไว้หลายๆคนก็โดนไปแล้ว...งั้นมิ้งค์กี้บลูอายส์ขอเสนอดังนี้ครับ
1. น้องต๊ะ ที่เคยอยู่บ้านสตอรี่ไทยปัจจุบันไม่มีตังจ่ายค่าเช่าแล้วครับ
2.นายโม รู้จักกันที่หมู่บ้านสตอรี่ไทยเช่นกันครับ ^^
3.น้องฝน รู้จักที่ ST. อีกแล้วไดฯน้องคนนี้ colorful ที่สุดตั้งแต่อ่านมาเลยอ่ะ
4. น้องต่าย รู้จักที่ ST.(อีกแล้ว ^^'') ย้ายบ้านไปแล้วแต่ยังตามอ่าน
5. เส่งฮะ เพื่อนสมัยมัธยม 1 ใน 5 สมาชิก KODOMA DRAGON
2.นายโม รู้จักกันที่หมู่บ้านสตอรี่ไทยเช่นกันครับ ^^
3.น้องฝน รู้จักที่ ST. อีกแล้วไดฯน้องคนนี้ colorful ที่สุดตั้งแต่อ่านมาเลยอ่ะ
4. น้องต่าย รู้จักที่ ST.(อีกแล้ว ^^'') ย้ายบ้านไปแล้วแต่ยังตามอ่าน
5. เส่งฮะ เพื่อนสมัยมัธยม 1 ใน 5 สมาชิก KODOMA DRAGON
การแทคนี่ทำให้เราต้องอัพบล็อคยาวๆเนาะครับ ^^''
ขอบคุณที่ตามอ่านจนจบครับ...มิสๆๆ จุ๊บๆๆ
ปล.ขออภัยท่านที่โดนแทคที่มิ้งค์กี้บลูอายส์ไม่ได้
ขออนุญาตไว้ก่อนนะครับ...หวังว่าคงไม่เป็นไรนะครับ
Sunday, January 07, 2007
น้องหมาตามมาหา
อย่างที่บางท่านได้ทราบแล้วว่าเมื่อต้นปีนี้
วันแรกของการทำงานในศักราชใหม่...
มิ้งค์กี้บลูอายส์ซวยรับปีใหม่ด้วยการขับรถชนสุนัขตาย
หน้าโรงเรียนอนุบาลตอน 8 โมงเช้า T_T
ในวันนั้นเอง...มิ้งค์กี้บลูอายส์ได้แก้เคล็ดโดยการไปถวาย
สังฆทานและกรวดน้ำไปให้คุณสุนัขโชคร้ายตัวนั้น
(ขอสารภาพกับกริิดว่า...ตอนนั้นเรานึกถึงเรื่องที่กริดเล่าให้เราฟัง
เรื่องเตี่ยแกด้วยแหละ...แล้วน้องวินนี่ก็เกิดปีจออ่ะ)
เย็นๆวันนั้นคุณปุ้ยโทรมาถามว่าเป็นสุนัขสีอะไร?
มิ้งค์กี้บลูอายส์ก็เล่าไปว่าเป็นสุนัขสีขาวสลับดำ
คุณปุ้ยบอกว่ามีเกจิ(ไม่สามารถเอ่ยนามได้)บอกว่าต้อง
ซื้อผลไม้ไปทำบุญให้เค้านะ....จนเวลาล่วงเลยมา
วันนี้ก็ 4-5 วันเข้าไปแล้ว...มิ้งค์กี้บลูอายส์ก็ยังเพิกเฉย...
มิได้ทำตามคำแนะนำ(ที่จริงคือคำสั่ง)แต่อย่างใดไม่
เมื่อเช้านี้หลังจากตื่นด้วยเสียงน้องวินนี่ตอน 6 โมงเช้า
มิ้งค์กี้บลูอายส์ก็ย้ายกลับเข้ามานอนในห้อง...
(ช่วงนี้แยกห้องนอนเพราะเป็นหวัด กลัวน้องวินนี่ติด)
หลับต่อซักพักก็ฝันครับ...ฝันแบบว่าดีเทลเยอะสุดๆ
ไม่ขอเล่าในที่นี้แต่เมื่อเช้าเล่าให้คุณปุ้ยฟังไปแล้ว...
หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง :D
แต่เนื้อหาช่วงนึงของในฝัน...
มิ้งค์กี้บลูอายส์ฝันว่าโดนสุนัขรุมกัดง่ะ
มีทั้งลูกโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ แล้วก็กองทัพพูเดิ้ลทอยง่ะ...
ไม่รู้ทำไมมันฝันคิกขุจัง...แต่ในฝันก็ได้เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด
เลือดพล่านมากๆ...มากจนไม่สามารถบรรยายเป็นตัวอักษร
ให้สาธารณชนอ่านได้เลย...
แถมยังมีโดนงูกัด-ตะขาบต่อยด้วยอ่ะ....ตัวเป้งๆเลยด้วย....
อาจจะเพราะก่อนหลับเปิดดูข่าวว่ามีการค้นพบงูสองหัว
เลยเก็บไปฝันเป็นตุเป็นตะ .... :P
แล้วอีกอย่างนึง....
นี่ถ้าไม่รักกันจริง แล้วเห็นว่าไม่ได้อัพบล็อค(เอง)มานานแล้ว
ไม่บอกหรอกนะเนี่ย....เพื่อเป็นการไถ่โทษ...
มิ้งค์จะแอบกระซิบบอกให้ก็ได้ว่า.....
.....
.......
....ว่าในภาพข่าวเมื่อเช้านี้อ่ะ....
ตอนที่ทีวีซูมภาพเจ้างูสองหัวตัวนั้นอ่ะ...
มิ้งค์เห็นเลขบนท้ายทอยงูด้วยนะ....อยากรู้ป่ะ???
หอ-โอะ-กอ-หก-ซอ-อี่-สี่.....6-4 ครับผม
จอ-โอะ-บอ-จบ (แบบห้วนๆ)
วันแรกของการทำงานในศักราชใหม่...
มิ้งค์กี้บลูอายส์ซวยรับปีใหม่ด้วยการขับรถชนสุนัขตาย
หน้าโรงเรียนอนุบาลตอน 8 โมงเช้า T_T
ในวันนั้นเอง...มิ้งค์กี้บลูอายส์ได้แก้เคล็ดโดยการไปถวาย
สังฆทานและกรวดน้ำไปให้คุณสุนัขโชคร้ายตัวนั้น
(ขอสารภาพกับกริิดว่า...ตอนนั้นเรานึกถึงเรื่องที่กริดเล่าให้เราฟัง
เรื่องเตี่ยแกด้วยแหละ...แล้วน้องวินนี่ก็เกิดปีจออ่ะ)
เย็นๆวันนั้นคุณปุ้ยโทรมาถามว่าเป็นสุนัขสีอะไร?
มิ้งค์กี้บลูอายส์ก็เล่าไปว่าเป็นสุนัขสีขาวสลับดำ
คุณปุ้ยบอกว่ามีเกจิ(ไม่สามารถเอ่ยนามได้)บอกว่าต้อง
ซื้อผลไม้ไปทำบุญให้เค้านะ....จนเวลาล่วงเลยมา
วันนี้ก็ 4-5 วันเข้าไปแล้ว...มิ้งค์กี้บลูอายส์ก็ยังเพิกเฉย...
มิได้ทำตามคำแนะนำ(ที่จริงคือคำสั่ง)แต่อย่างใดไม่
เมื่อเช้านี้หลังจากตื่นด้วยเสียงน้องวินนี่ตอน 6 โมงเช้า
มิ้งค์กี้บลูอายส์ก็ย้ายกลับเข้ามานอนในห้อง...
(ช่วงนี้แยกห้องนอนเพราะเป็นหวัด กลัวน้องวินนี่ติด)
หลับต่อซักพักก็ฝันครับ...ฝันแบบว่าดีเทลเยอะสุดๆ
ไม่ขอเล่าในที่นี้แต่เมื่อเช้าเล่าให้คุณปุ้ยฟังไปแล้ว...
หัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง :D
แต่เนื้อหาช่วงนึงของในฝัน...
มิ้งค์กี้บลูอายส์ฝันว่าโดนสุนัขรุมกัดง่ะ
มีทั้งลูกโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ แล้วก็กองทัพพูเดิ้ลทอยง่ะ...
ไม่รู้ทำไมมันฝันคิกขุจัง...แต่ในฝันก็ได้เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด
เลือดพล่านมากๆ...มากจนไม่สามารถบรรยายเป็นตัวอักษร
ให้สาธารณชนอ่านได้เลย...
แถมยังมีโดนงูกัด-ตะขาบต่อยด้วยอ่ะ....ตัวเป้งๆเลยด้วย....
อาจจะเพราะก่อนหลับเปิดดูข่าวว่ามีการค้นพบงูสองหัว
เลยเก็บไปฝันเป็นตุเป็นตะ .... :P
แล้วอีกอย่างนึง....
นี่ถ้าไม่รักกันจริง แล้วเห็นว่าไม่ได้อัพบล็อค(เอง)มานานแล้ว
ไม่บอกหรอกนะเนี่ย....เพื่อเป็นการไถ่โทษ...
มิ้งค์จะแอบกระซิบบอกให้ก็ได้ว่า.....
.....
.......
....ว่าในภาพข่าวเมื่อเช้านี้อ่ะ....
ตอนที่ทีวีซูมภาพเจ้างูสองหัวตัวนั้นอ่ะ...
มิ้งค์เห็นเลขบนท้ายทอยงูด้วยนะ....อยากรู้ป่ะ???
หอ-โอะ-กอ-หก-ซอ-อี่-สี่.....6-4 ครับผม
จอ-โอะ-บอ-จบ (แบบห้วนๆ)
Thursday, January 04, 2007
++ ปีใหม่ ปีมิ้งค์++
ปีใหม่นี้.....
เปิดศักราชมา...มิ้งค์ก้อยุ๊ง ยุ่ง ตามเคยล่ะครับ....
ปีใหม่...เดี๋ยวมิ้งค์นึกก่อนว่ามิ้งค์มีอารายใหม่ๆบ้างน๊า???
อ่อ...มิ้งค์ไปตัดผมมาใหม่ครับ...หน้าตาที่ดูดีอยู่แล้ว ยิ่งดูดี๊ ดูดี แถมยังหน้าเด็กลงด้วยนะ
เรียนเชิญ พ่อ แม่ พี่น้อง ผองเพื่อน มาพิสูจน์ได้ครับ
เฮ้อ...แล้วปีใหม่นี้มิ้งค์มีเรื่องเศร้าด้วยล่ะ
พอเปิดมาทำงานวันแรก....ขับรถชนน้องม๋าข้างถนนง่ะ..น่าจะคาที่....หดหู่ใจจัง...เลยไปทำสังฆทาน....ที่วัดแถวบริษัทเรียบร้อยแล้วครับ...
แถมต่อด้วย....มิ้งค์ป่วย..จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยเช่นนี้...ร้อนๆ หนาวๆ ร้อนๆๆ ร้อนๆๆๆ ร้อนมั่กๆ
ทำให้มิ้งค์เกิดอาการคลื่นเหียน เวียนหัว จะอาเจียน บวกด้วยไอแค่กๆ และเจ็บคออย่างรุนแรง...
การเปิดศักราชไปทำงานในวันแรกของมิ้งค์ผ่านไปด้วยความยากลำบาก...
และแล้ว.............
มิ้งค์กี้บลูอายส์ก้อลั่น ลั๊น ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา
ลาครึ่งวันครับ....ไปอ้อนเมีย และน้องวินนี่ที่บ้านดีก่า แหะๆๆๆ
แฟนๆได ไม่ต้องเป็นห่วงครับ....ตอนนี้...ดีขึ้นมากแล้วอ่ะ...
ส่วนเรื่องง๊าน งาน งาน และงาน....
ยังเยอะแยะ มากมาย เช่นเดิม ซึ่งให้มิ้งค์ทำเสร็จเท่าไหร่งานก้อไม่หมดไปแน่ๆครับ
เพราะประเทศไทยของเรานี้...จะสร้างถนนเพิ่มขึ้นอีกเพียบเลย....อุ๊บซ์
อ่อ....แฟนๆไดของมิ้งค์กี้บลูอายส์ที่คิดถึง "น้องวินนี่"
ตอนนี้น้องวินนี่สวยวัน สวยคืน เซะซี่ อารมณ์ดี น่ารักขึ้นทุกวั๊น วัน....
อีก 1 อาทิตย์น้องวินนี่ก้อครบ 4เดือนแล้วนะครับ
แฟนๆที่ยังไม่ได้มาเยี่ยมน้องวินนี่ หรือฝากของขวัญให้...
มิ้งค์ถือโอกาศทวงคับ........อิอิ :P
เปิดศักราชมา...มิ้งค์ก้อยุ๊ง ยุ่ง ตามเคยล่ะครับ....
ปีใหม่...เดี๋ยวมิ้งค์นึกก่อนว่ามิ้งค์มีอารายใหม่ๆบ้างน๊า???
อ่อ...มิ้งค์ไปตัดผมมาใหม่ครับ...หน้าตาที่ดูดีอยู่แล้ว ยิ่งดูดี๊ ดูดี แถมยังหน้าเด็กลงด้วยนะ
เรียนเชิญ พ่อ แม่ พี่น้อง ผองเพื่อน มาพิสูจน์ได้ครับ
เฮ้อ...แล้วปีใหม่นี้มิ้งค์มีเรื่องเศร้าด้วยล่ะ
พอเปิดมาทำงานวันแรก....ขับรถชนน้องม๋าข้างถนนง่ะ..น่าจะคาที่....หดหู่ใจจัง...เลยไปทำสังฆทาน....ที่วัดแถวบริษัทเรียบร้อยแล้วครับ...
แถมต่อด้วย....มิ้งค์ป่วย..จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยเช่นนี้...ร้อนๆ หนาวๆ ร้อนๆๆ ร้อนๆๆๆ ร้อนมั่กๆ
ทำให้มิ้งค์เกิดอาการคลื่นเหียน เวียนหัว จะอาเจียน บวกด้วยไอแค่กๆ และเจ็บคออย่างรุนแรง...
การเปิดศักราชไปทำงานในวันแรกของมิ้งค์ผ่านไปด้วยความยากลำบาก...
และแล้ว.............
มิ้งค์กี้บลูอายส์ก้อลั่น ลั๊น ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา
ลาครึ่งวันครับ....ไปอ้อนเมีย และน้องวินนี่ที่บ้านดีก่า แหะๆๆๆ
แฟนๆได ไม่ต้องเป็นห่วงครับ....ตอนนี้...ดีขึ้นมากแล้วอ่ะ...
ส่วนเรื่องง๊าน งาน งาน และงาน....
ยังเยอะแยะ มากมาย เช่นเดิม ซึ่งให้มิ้งค์ทำเสร็จเท่าไหร่งานก้อไม่หมดไปแน่ๆครับ
เพราะประเทศไทยของเรานี้...จะสร้างถนนเพิ่มขึ้นอีกเพียบเลย....อุ๊บซ์
อ่อ....แฟนๆไดของมิ้งค์กี้บลูอายส์ที่คิดถึง "น้องวินนี่"
ตอนนี้น้องวินนี่สวยวัน สวยคืน เซะซี่ อารมณ์ดี น่ารักขึ้นทุกวั๊น วัน....
อีก 1 อาทิตย์น้องวินนี่ก้อครบ 4เดือนแล้วนะครับ
แฟนๆที่ยังไม่ได้มาเยี่ยมน้องวินนี่ หรือฝากของขวัญให้...
มิ้งค์ถือโอกาศทวงคับ........อิอิ :P