- - - เล่าข่าวเมื่อเช้านี้ - - -
เมื่อเช้านี้ตื่นขึ้นมาดูข่าวไอทีวี เป็นรายงานข่าวน้ำท่วม
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นในเขตจังหวัดพิษณุโลก
ดูข่าวไปก็คิดไปว่า....เออนะ...คนที่เค้าต้องประสบกับความเดือดร้อน
แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...เค้าคงจะไม่มีความสุข....เค้าคงเบื่อหน่าย....
ถ้าเป็นเราเราจะทนอยู่ได้ยังไง?
นักข่าวไอทีวีได้เข้าไปสัมภาษณ์ชาวบ้านที่โดนน้ำท่วม
คนแรกเป็นผู้หญิงวัยกลางคน อยู่ในบ้านที่มีสภาพน้ำท่วมขัง
ระดับน้ำสูงถึงข้อเท้า...ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า
ทางการแจ้งให้ชาวบ้านทราบว่าน้ำจะแห้งภายในเวลา 20-30 วัน
พวกชาวบ้านก็ได้แต่ยอมรับสภาพ รอให้น้ำลดแล้วก็ค่อยๆทำความ
สะอาดบ้านกันไป ราวกับว่าชาวบ้านเองก็เคยชินกับสภาพความ
เป็นอยู่แบบนี้ซะแล้ว หรือจะคิดอีกแง่นึงก็คือ...ไม่มีทางเลือกอื่น
และคงเข้าใจว่ารัฐเองก็ได้ให้ความช่วยเหลือเต็มที่แล้วด้วย
ทำอะไรหรือหวังอะไรมากไปกว่านี้ก็คงจะไม่มีผลอะไร
จึงได้แต่ก้มหน้าก้มตารับสภาพกันไป (-_-)
นอกจากผู้หญิงวัยกลางคนๆนี้แล้ว..นักข่าวยังได้สัมภาษณ์ลุงอีกคนนึง
อายุน่าจะ 60-70 แล้วล่ะ...คุณลุงคนนี้หน้าตาซื่อๆ พูดจาตรงๆ
ด้วยคำพูดธรรมดาๆแต่ตอนฟังมิ้งค์กี้บลูอายส์กลับรู้สึกได้ว่ามัน
เป็นเรื่องปรัชญาที่ลึกซึ้งเอาการทีเดียวสภาพบ้านของคุณลุงคนนี้
คือมีน้ำท่วมขึ้นมาถึงระดับเอว แล้วบ้านของแกก็เป็นกระท่อมไม้
มีฝาเป็นแผ่นสังกะสีผุๆล้อมรอบ หลังคามุงจาก
ตอนโดนน้ำท่วมคุณลุงแกก็ยกพื้นบ้านให้สูงขึ้นเพื่อหนีน้ำ
สภาพบ้านแกตอนนี้พื้นบ้านอยู่ต่ำกว่าหลังคาแค่ 2-3 ฟุต
เวลาจะไปไหนมาไหนในบ้านก็ต้องคลานเอา จะยืนก็ไม่ได้เพราะหัวจะชนหลังคา
นักข่าวถามแกว่าถ้าน้ำขึ้นมาอีก แกจะทำยังไง...
คุณลุงตอบอย่างอารมณ์ดีว่า
"ก็คงต้องเจาะหลังคาแล้วเอาของไปเก็บบนหลังคาแล้วซื้อผ้าใบมากางกันแดดกันฝน
เรื่องแค่นี้เอง...ลุงอยู่ได้...ยังไงก็ต้องอยู่กับมันให้ได้"
แล้วนักข่าวก็ถามคุณลุงว่าตอนนี้อยากได้อะไร? คำตอบที่ได้รับจากคุณลุงคนนี้ก็คือ
"ตอนนี้อยากได้ข้าวสารอาหารแห้ง เงินทองไม่เอา เอามาก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร
กินก็กินไม่ได้ อยากได้อาหารมากกว่า"
จากข่าวนี้เอง...ทำให้คิดได้ถึงสัุจธรรมอย่างนึงว่าจริงๆแล้ว
คนเราก็ต้องการเพียงแค่อาหารประทังชีวิต แล้วพักอาศัยเท่านั้นเอง
เงินทองเป็นเพียงสิ่งสมมติ เป็นสัญลักษณ์ที่ในเวลาทุกข์ยากจริงๆ
มันไม่มีค่า ไม่มีความหมายอะไรกับเราเลย สิ่งที่ได้ยินจากคุณลุงเมื่อเช้านี้
สะท้อนให้เห็นความจริงว่าคำที่ในหลวงท่านพร่ำเตือนพร่ำสอน
ลูกๆของท่านได้ซึมซับเข้าไปอยู่ในจิตใจของลูกๆท่านแล้ว
คุณลุงคนนี้ท่านพอใจในสิ่งที่ท่านมีพอใจในความเป็นอยุ่แบบพอเพียง
มีทัศนคติที่ดีต่อความเป็นอยู่และชีวิตของตัวเอง (^__^)
มิ้งค์กี้บลูอายส์อดสงสัยไม่ได้ว่า จริงๆแล้วคุณลุงคนนี้ในตอนนี้อาจจะมีความสุขกว่า
คนบางคนที่มีเงินเป็นหมื่นล้าน แต่ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ต้องคอยหลบๆซ่อนๆ
หนีไปอยู่ที่นู่นทีที่นี่ที....อยากกลับบ้านก็กลับไม่ได้รึเปล่าน๊อ???
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นในเขตจังหวัดพิษณุโลก
ดูข่าวไปก็คิดไปว่า....เออนะ...คนที่เค้าต้องประสบกับความเดือดร้อน
แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...เค้าคงจะไม่มีความสุข....เค้าคงเบื่อหน่าย....
ถ้าเป็นเราเราจะทนอยู่ได้ยังไง?
นักข่าวไอทีวีได้เข้าไปสัมภาษณ์ชาวบ้านที่โดนน้ำท่วม
คนแรกเป็นผู้หญิงวัยกลางคน อยู่ในบ้านที่มีสภาพน้ำท่วมขัง
ระดับน้ำสูงถึงข้อเท้า...ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า
ทางการแจ้งให้ชาวบ้านทราบว่าน้ำจะแห้งภายในเวลา 20-30 วัน
พวกชาวบ้านก็ได้แต่ยอมรับสภาพ รอให้น้ำลดแล้วก็ค่อยๆทำความ
สะอาดบ้านกันไป ราวกับว่าชาวบ้านเองก็เคยชินกับสภาพความ
เป็นอยู่แบบนี้ซะแล้ว หรือจะคิดอีกแง่นึงก็คือ...ไม่มีทางเลือกอื่น
และคงเข้าใจว่ารัฐเองก็ได้ให้ความช่วยเหลือเต็มที่แล้วด้วย
ทำอะไรหรือหวังอะไรมากไปกว่านี้ก็คงจะไม่มีผลอะไร
จึงได้แต่ก้มหน้าก้มตารับสภาพกันไป (-_-)
นอกจากผู้หญิงวัยกลางคนๆนี้แล้ว..นักข่าวยังได้สัมภาษณ์ลุงอีกคนนึง
อายุน่าจะ 60-70 แล้วล่ะ...คุณลุงคนนี้หน้าตาซื่อๆ พูดจาตรงๆ
ด้วยคำพูดธรรมดาๆแต่ตอนฟังมิ้งค์กี้บลูอายส์กลับรู้สึกได้ว่ามัน
เป็นเรื่องปรัชญาที่ลึกซึ้งเอาการทีเดียวสภาพบ้านของคุณลุงคนนี้
คือมีน้ำท่วมขึ้นมาถึงระดับเอว แล้วบ้านของแกก็เป็นกระท่อมไม้
มีฝาเป็นแผ่นสังกะสีผุๆล้อมรอบ หลังคามุงจาก
ตอนโดนน้ำท่วมคุณลุงแกก็ยกพื้นบ้านให้สูงขึ้นเพื่อหนีน้ำ
สภาพบ้านแกตอนนี้พื้นบ้านอยู่ต่ำกว่าหลังคาแค่ 2-3 ฟุต
เวลาจะไปไหนมาไหนในบ้านก็ต้องคลานเอา จะยืนก็ไม่ได้เพราะหัวจะชนหลังคา
นักข่าวถามแกว่าถ้าน้ำขึ้นมาอีก แกจะทำยังไง...
คุณลุงตอบอย่างอารมณ์ดีว่า
"ก็คงต้องเจาะหลังคาแล้วเอาของไปเก็บบนหลังคาแล้วซื้อผ้าใบมากางกันแดดกันฝน
เรื่องแค่นี้เอง...ลุงอยู่ได้...ยังไงก็ต้องอยู่กับมันให้ได้"
แล้วนักข่าวก็ถามคุณลุงว่าตอนนี้อยากได้อะไร? คำตอบที่ได้รับจากคุณลุงคนนี้ก็คือ
"ตอนนี้อยากได้ข้าวสารอาหารแห้ง เงินทองไม่เอา เอามาก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร
กินก็กินไม่ได้ อยากได้อาหารมากกว่า"
จากข่าวนี้เอง...ทำให้คิดได้ถึงสัุจธรรมอย่างนึงว่าจริงๆแล้ว
คนเราก็ต้องการเพียงแค่อาหารประทังชีวิต แล้วพักอาศัยเท่านั้นเอง
เงินทองเป็นเพียงสิ่งสมมติ เป็นสัญลักษณ์ที่ในเวลาทุกข์ยากจริงๆ
มันไม่มีค่า ไม่มีความหมายอะไรกับเราเลย สิ่งที่ได้ยินจากคุณลุงเมื่อเช้านี้
สะท้อนให้เห็นความจริงว่าคำที่ในหลวงท่านพร่ำเตือนพร่ำสอน
ลูกๆของท่านได้ซึมซับเข้าไปอยู่ในจิตใจของลูกๆท่านแล้ว
คุณลุงคนนี้ท่านพอใจในสิ่งที่ท่านมีพอใจในความเป็นอยุ่แบบพอเพียง
มีทัศนคติที่ดีต่อความเป็นอยู่และชีวิตของตัวเอง (^__^)
มิ้งค์กี้บลูอายส์อดสงสัยไม่ได้ว่า จริงๆแล้วคุณลุงคนนี้ในตอนนี้อาจจะมีความสุขกว่า
คนบางคนที่มีเงินเป็นหมื่นล้าน แต่ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ต้องคอยหลบๆซ่อนๆ
หนีไปอยู่ที่นู่นทีที่นี่ที....อยากกลับบ้านก็กลับไม่ได้รึเปล่าน๊อ???
20 Comments:
ดูแล้วซึ้งง่ะ....
ปล.หายหน้าหายตาไปสองวันเพราะว่ามิ้งค์ไปตจว.มานะจ๊ะ :D
มิสๆเอเวอรี่บอดี้เลยน๊า :D
By Minkyblue_eye, at 23/11/06 8:59 AM
อ่านแล้ว...ยิ้ม...กับสิ่งที่พี่มิ้งค์คิด
แต่แกนคงไม่ได้ยิ้มกับสิ่งที่เกิดกับคุณลุงหรอกนะ ^^"
ช่วงท้าย...อืม...เห็นด้วย แรง ๆ เลยพี่
ปล. หมวดเอจะให้คนอื่นคิดว่าคุยกับแม่ดิ ไม่ได้คุยกัยแฟน
ไอ่แก่มันวอนซะแล้ว เหอ เหอ
By Anonymous, at 23/11/06 9:56 AM
มาแร้นๆๆๆๆ
อืมมม....
อยู่อย่างพอเพียง ...และเพียงพอ ดีที่สุดอ่ะเน๊อะ...
เมื่อมิ้งค์กี้คิดได้แบบคุณลุง งั้น "เงิน" ก้อไม่จำเป็นสำหรับมิ้งค์อ่ะดิ...มาม๊ะๆๆๆ มาเลี้ยง โออิชิแกรนด์ ซะดีดี...หุหุ
By babybrown_eye, at 23/11/06 1:14 PM
มิ้งค์กี้ : รึจะติดเน๊ทแบบดาวเทียมดีง่ะ แพ๊ง แพงง่ะ ป๋ามิ้งค์พอจะบริจาคหน่อยได้ป่ะคะ?? ป๋าๆๆๆๆๆๆๆๆ
By babybrown_eye, at 23/11/06 1:28 PM
จริงๆแล้วคุณลุงคนนี้ในตอนนี้อาจจะมีความสุขกว่า
คนบางคนที่มีเงินเป็นหมื่นล้าน แต่ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ต้องคอยหลบๆซ่อนๆ
หนีไปอยู่ที่นู่นทีที่นี่ที....อยากกลับบ้านก็กลับไม่ได้รึเปล่าน๊อ???
^
^
^
พี่มิงค์ เด่วหนูเอาข้าวผัดปูไปเยี่ยมนะง่าบ
โอเลี้ยงด้วยมะง่าบ ( กรั่ก ๆ ล้อเล่นน้าค๊าบ )
กวางว่าก็จริงล่ะ อย่างที่ลุงแกคิดแหละ ถูกที่สุดเลย
ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ซื้อความสุขได้ทางวัตถุ แต่ซื้อทางใจมะล่าย
วันนี้เอากระทู้นึงมาให้พี่มิงค์อ่านง่ะ สลดใจ
กวางอ่าน + ดูรูปแล้วร้องไห้เลย
เลือดรักสัตว์พุ่งพล่าน !!!
http://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J4891681/J4891681.html
By Anonymous, at 23/11/06 1:35 PM
อ่านแล้วสะท้อนใจ
อย่างนี้เนอะ
ตรงตามพระราชดำรัส อยู่อย่างพอเพียง จริงๆ
สงสารคนที่โดนน้ำท่วม T_T
By Anonymous, at 23/11/06 1:53 PM
พี่กลับมองว่าธรรมชาติกำลังทำลายมนุษย์มากขึ้น เพราะมนุษย์ดันทำร้ายธรรมชาติก่อน...
ทีนี้ มนุษย์เราน่าจะคิดได้ และหยุดทำร้ายกัน แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน แล้วหันมาร่วมรักษาธรรมชาติกันดีกว่า...
มี 73,000 ล้าน ก็หยุดภัยธรรมชาติไม่ได้หร๊อก
เฮอ ๆ ๆ
By siwawong, at 23/11/06 7:04 PM
พูดถึงน้ำท่วม เราสงสารเด็กๆที่ต้องเดินย่ำน้ำเน่าๆอ่ะ
เท้างี้เป็นแผลเชียวล่ะ
ทักทายค่ะ อัพแระ
By Anonymous, at 23/11/06 9:04 PM
เหอ ๆ .. ยังจะแอบกัดอีกนะพี่มิ้ง นิสัยไม่ดี..
By Anonymous, at 23/11/06 10:48 PM
^_^ goodnight
By babybrown_eye, at 23/11/06 11:38 PM
ฝันดีนะคะ
By Anonymous, at 24/11/06 2:06 AM
มาบูชี่ : ให้คนอื่นนึกว่าคุยกะแม่...แต่ดันตั้งชื่อเวลาน้องแกนโทรเข้าว่า "เมีย" เนี่ยนะ ^^''
ปล. มาบูชี่ แปลว่าไรอ่ะ??สงสัยมานานแล้ว
เบบี้ : เข้าใจคิดนะเธอ -*- ชั้นต้องเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียชั้นจ้า
ติดดาวเทียมเลย...เผื่อเราไปหาจะได้ลองเล่นเน็ตแรงๆดูมั่ง อิอิอิ
น้องกวาง : เดี๋ยวนี้มุกเยอะนะครับ...หึหึหึ ระวังจะโดนอุ้มนะ ฮึ่มๆๆๆ :P
ปล.เข้าลิงค์ที่ให้มาไม่ได้ง่ะ -*-
แหม่ม : น่าสงสารเนาะ....แต่มันก็เกิดจากน้ำมือมนุษย์ส่วนนึงอ่ะนะ....เฮ้อออ
พี่เต้ : จริงเหรอครับ...73,000 ล้าน..ถึงจะหยุดไม่ได้แต่ก็คงบรรเทาทุกข์ได้เยอะเลยนะครับ
จีจุง : นั่นจิ...แล้วก็มีโรคภัยไข้เจ็บตามมา...ซวยซ้ำ ซวยซ้อน
น้องกิฟท์ : อ่าว...พี่เข้าใจผิดเหรอเนี่ย :P
เบบี้และมาบูชี่ : จ้า...มิน่าเมื่อคืนฝันหวานเชียว...มีสาวสวย(ไม่โสด)ตั้งสองคนมาอวยพรนี่เอง ^^ จุ๊บๆ
By Minkyblue_eye, at 24/11/06 8:35 AM
มีปรัชญาซ่อนอยู่จริงๆ มิงค์กี้ช่างล้ำลึก นับถือ ๆ ^^"
ปล. ลูกพี่นอนคว่ำแบบมีคนดูแลใกล้ชิดนะ เตียงลูกอยู่ข้างโต๊ะทำงานเลย คือ ตอนแรกน้องเค้านอนยากอะครับ แล้วชอบตกใจมือตัวเอง ตื่นบ่อยมาก พี่เลยจับนอนคว่ำ เรื่องโรคนั้น พี่กะพี่อี้รู้ครับ แต่ก็อยากให้ลูกหลับสบายด้วย ขอบคุณที่บอกครับ
By Anonymous, at 24/11/06 10:00 AM
แบบว่าหนูก็เหงด้วยอ่านะคะว่าไม่รุจะเอามาทำไมถ้าอยู่ในสภาพนั้น
เด๋วเงินเปียกแล้วจายุ่ย จาฉีกง่าย (ให้โอเนเก็บไว้ในธนาคารแทนดีก่า55+น้ำลดเมื่อไหร่ค่อยเบิกเอา อิอิ)
เศรษฐกิจพอเพียงค่ะ ลุงแกน่าสงสารโนะ จะว่าไปสงสารทุกคนที่ถูกน้ำท่วมแหละ ถ้าเปงเราคงจะรับไม่ได้สักเท่าไหร่
ยังไงก้ บริจาคไปเหมือนกันค่ะ บริจาคน้ำ ขาดน้ำอยู่ไมได้ ขาดอาหารยังว่าอยู่ได้นานกว่าน้ำ
มิสๆๆคร๊า เทคแคร์ บะบาย จุ๊บส์ที่แก้มหลานวินนี่เบาๆ
By Anonymous, at 24/11/06 12:52 PM
น้องฟิล์มของพี่มิ้งค์ หายเข้ากลีบเมฆไปแล้วล่ะมั้ง
ไม่งั้นก้อไปอยู่กะน้องหนังสือ ไม่ง้านก็คุยงานกะเพื่อน
หรือไม่งั้นก็...ถ่ายรูป ดูหนังแหละค่ะ
จามาเวลาอะไรมาสนใจไดอารี่
เฮ้อออออออออ เบื่อๆเซ็งๆ เครียดๆ
By Anonymous, at 24/11/06 2:26 PM
ตอนจบนี่เป็นปรัชญาแบบมิ้งค์นี่เอง :P
By Anonymous, at 24/11/06 5:20 PM
นึกไปถึงตอนเรือล่มเนอะ คนเราจะอยากได้อะไร ระหว่าง
1. เงิน
2. ทอง
3. ขนมปัง
โห...แย่งกันใหญ่สิคะ ขนมปังน่ะ ระหว่างที่ต้องนั่งแกร่วลอยคออยู่ในทะเลเวิ้งว้าง ว่างเปล่า หุหุ
แต่อย่างว่า .. ความโลภ ไม่มีที่สิ้นสุด ตัดกิเลสได้เมื่อไหร่ คนทั้งโลกก็เป็นคนดีกันหมดแล้ว
By Anonymous, at 25/11/06 12:09 AM
ลุงดองเข้าสัปดาห์ ชิมิ
กรั่ก ๆ
By Anonymous, at 25/11/06 1:09 AM
น่าสงสารจัง
มะรุประเทศไทยช่วงนี้เปนรัย เฮ้อ
ทักทายค่ะ
By Anonymous, at 25/11/06 9:53 PM
พี่ตุ๋ม : ยัวร์ เวลคั่ม ^^
น้องฝน/ฟิล์ม : อืม...กู๊ดไอเดียและรอบคอบมากครับ...
งั้นพี่ขอแนะนำเป็นซื้อกองทุนรวมดีมั๊ยครับดอกเบี้ยดีกว่าฝากธนาคารเฉยๆ
น๊านนนน....น้องคนนี้!!! มาเลยๆ ขอเบิ้ด 1 ที!! คนละเรื่องเฟ้ย!!!!!
น้องฝน : พี่ฟิล์มแอบนอกใจแหงๆ :P
กริด : เม้นต์ได้แล้วเหรอ??คิดถึงจัง
พี่มี่ : แต่ขนมปังมันจะยุ่ยนะครับ
กวาง : ลุง?? ('_' ) ( '_') ไหนครับ??ลุงไหน??
จีจุง : เหอๆ เหมือนสิ้นหวังนิดๆเนอะ ^^''
By Minkyblue_eye, at 26/11/06 12:39 PM
Post a Comment
<< Home